มอบ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ บริษัท โนโวเทค คลินิคอล รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ขับเคลื่อนงานวิจัยทางคลินิก

โพสต์โดย : เทอดภูมิ ทองอินทร์ วันที่ 24 มิถุนายน 2567 , 15:30:37 (อ่าน 320 ครั้ง)

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดย วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยทางคลินิก ระหว่าง บริษัท โนโวเทค คลินิคอล รีเสิร์ช (ประเทศไทย)ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (มอบ.) โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา อธิการบดี เป็นประธานและร่วมลงนามในพิธี พร้อมด้วย นพ.ประวิ อ่ำพันธ์ คณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และการสาธารณสุข กล่าวรายงาน และร่วมลงนามเป็นพยานในพิธีเมื่อวันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารโภชนาการ วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข

รองศาสตราจารย์ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา อธิการบดี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า “การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ ช่วยส่งเสริมและพัฒนากลุ่มงานบริการวิชาการงานวิจัยทางคลินิก และการดำเนินการวิจัยคลินิกให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสากลและสร้างเครือข่ายกลุ่มงานบริการวิชาการงานวิจัยทางคลินิกในประเทศสำหรับรองรับการวิจัยแบบสหสถาบัน นอกจากนี้ ความร่วมมือกันของทั้ง 2 สถาบัน ช่วยส่งเสริมการผลิตผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง และสามารถนำผลงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ พัฒนางานศูนย์บริการวิชาการงานวิจัยทางคลินิกไปสู่ความยั่งยืน รวมถึงการใช้ทรัพยากรทางการวิจัยร่วมกัน

ทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนด้านบุคลากร พื้นที่ และคำปรึกษาที่เป็นประโยชน์กับทีมวิจัยและภาคีเครือข่าย ตลอดจนการรวบรวมจัดทำฐานข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์เช่น ฐานข้อมูลนักวิจัย ข้อมูลโรค และความเชี่ยวชาญของบุคลากรมหาวิทยาลัยอเพื่อตอบพันธกิจหลักด้านการวิจัย บริการวิชาการกับหน่วยงานภายนอก”

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 เป็นต้นมา ทางศูนย์บริการวิชาการงานวิจัยทางคลินิกฯ ได้ให้บริการงานวิจัยทางคลินิกร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนหลายแห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บริษัท โนโวเทค คลินิคอล รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มีโอกาสดำเนินงานวิจัยทางคลินิกร่วมกันหลายโครงการ อาทิเช่น โครงการ การศึกษาวิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 แบบสุ่มปกปิดข้อมูลสองด้านดำเนินการในพหุสถาบันในหลายประเทศ ควบคุมด้วยยาที่ออกฤทธิ์แบบคู่ขนาน เพื่อประเมินการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอชนิดเชื้อตายในอาสาสมัครเด็กสุขภาพดีอายุตั้งแต่ 24 เดือนถึง 15 ปี เป็นต้น ซึ่งในระหว่างที่ทีมวิจัยทั้ง 2 สถาบันทำงานร่วมกัน นั้น ทางผู้บริหารของทางบริษัท เห็นถึง ศักยภาพของทีมวิจัย ที่สามารถพัฒนาต่อยอดในด้านทักษะงานวิจัย รวมถึงการยกระดับงานวิจัยทางคลินิก ให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงนำมาสู่การเจรรจา หารือความร่วมมือของผู้บริหารทั้ง 2 สถาบัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ดำเนินการตามพันธกิจมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายที่สำคัญคือการเป็น “มหาวิทยาลัยในดวงใจของชุมชน” โดยความร่วมมือทางวิชาการเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยทางคลินิก ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันนี้ดีของทั้ง 2 องค์กร ที่จะร่วมกันพัฒนาผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป